หมวดหมู่: Blog

Your blog category

ว่านมหากาฬ

No Comments

ลักษณะของว่านมหากาฬ

  • ลำต้น: เป็นพืชล้มลุกที่มีลำต้นใต้ดิน ลำต้นเหนือดินสูงประมาณ 20-50 เซนติเมตร มีลักษณะเป็นเหง้า
  • ใบ: ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปไข่หรือรูปใบหอก ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ใบมีสีเขียวเข้ม ด้านล่างมีสีม่วงแดง
  • ดอก: ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกมีขนาดเล็ก สีเหลือง

สรรพคุณของว่านมหากาฬ

  1. บำรุงร่างกาย:
    • ว่านมหากาฬมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย เพิ่มพลังงาน และช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
  2. แก้ไข้และลดความร้อนในร่างกาย:
    • น้ำคั้นจากว่านมหากาฬสามารถใช้ลดไข้และความร้อนในร่างกาย
  3. รักษาโรคผิวหนังและบาดแผล:
    • ว่านมหากาฬมีคุณสมบัติในการรักษาโรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคกลากเกลื้อน และช่วยสมานแผล
  4. บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ:
    • สารสกัดจากว่านมหากาฬสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อ
  5. รักษาแผลในปาก:
    • การใช้ว่านมหากาฬในการรักษาแผลในปาก เนื่องจากมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อและสมานแผล

การใช้ว่านมหากาฬ

  1. ใช้ภายนอก:
    • นำใบและลำต้นของว่านมหากาฬมาบดหรือตำให้ละเอียด แล้วนำมาพอกบริเวณที่มีอาการปวดเมื่อยหรือบาดแผล
  2. ใช้ภายใน:
    • ต้มใบและลำต้นของว่านมหากาฬเป็นยาน้ำหรือใช้เป็นส่วนผสมในยาสมุนไพรเพื่อบำรุงร่างกายและรักษาอาการต่าง ๆ เช่น ไข้ ความร้อนในร่างกาย และแผลในปาก

ข้อควรระวัง

ควรใช้ว่านมหากาฬอย่างระมัดระวัง และไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากเกินไป หรือควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ก่อนใช้ โดยเฉพาะหากมีการใช้ในการรักษาโรคหรืออาการที่มีความรุนแรง ว่านมหากาฬ

ว่านผักบุ้ง

No Comments

ลักษณะของว่านผักบุ้ง

  • ลำต้น: เป็นไม้เลื้อยที่มีลำต้นเป็นเส้นเล็ก ๆ สามารถเลื้อยได้ไกล
  • ใบ: ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปหัวใจ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ สีเขียวเข้ม
  • ดอก: ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกมีขนาดเล็ก สีขาวหรือสีชมพูอ่อน

สรรพคุณของว่านผักบุ้ง

  1. บำรุงร่างกายและบำรุงกำลัง:
    • ว่านผักบุ้งมีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย เพิ่มพลังงาน และช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น
  2. ช่วยในการย่อยอาหารและบรรเทาอาการท้องอืด:
    • สารสกัดจากส่วนต่าง ๆ ของว่านผักบุ้งสามารถช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืดและท้องเฟ้อ
  3. รักษาอาการไอและขับเสมหะ:
    • น้ำคั้นจากว่านผักบุ้งสามารถใช้บรรเทาอาการไอและช่วยขับเสมหะ
  4. ลดการอักเสบและแก้ปวด:
    • ว่านผักบุ้งมีสารที่มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและแก้ปวดของกล้ามเนื้อและข้อต่อ
  5. รักษาแผลและบาดแผล:
    • การใช้ว่านผักบุ้งในการรักษาแผลสดหรือบาดแผล เนื่องจากมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อและสมานแผล

การใช้ว่านผักบุ้ง

  1. ใช้ภายนอก:
    • นำส่วนต่าง ๆ ของว่านผักบุ้งมาบดหรือตำให้ละเอียด แล้วนำมาพอกบริเวณที่มีอาการปวดหรือบาดแผล
  2. ใช้ภายใน:
    • ต้มส่วนต่าง ๆ ของว่านผักบุ้งเป็นยาน้ำหรือใช้เป็นส่วนผสมในยาสมุนไพรเพื่อบำรุงร่างกายและรักษาอาการต่าง ๆ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ ไอ และขับเสมหะ

ข้อควรระวัง

ควรใช้ว่านผักบุ้งอย่างระมัดระวัง และไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากเกินไป หรือควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ก่อนใช้ โดยเฉพาะหากมีการใช้ในการรักษาโรคหรืออาการที่มีความรุนแรง

ว่านผักบุ้ง

ว่านน้ำ

No Comments

ว่านน้ำ (Acorus calamus) เป็นพืชน้ำที่มีลักษณะเด่นทั้งในเรื่องของการปลูกเพื่อความสวยงามและสรรพคุณทางยา มีต้นกำเนิดในเอเชียและยุโรป แต่ได้รับการปลูกและใช้ในหลายประเทศทั่วโลก

ลักษณะของว่านน้ำ

  • ลำต้น: เป็นลำต้นใต้ดิน (เหง้า) ที่มีลักษณะเป็นปล้องๆ มีกลิ่นหอม
  • ใบ: ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปใบหอกยาว ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ สีเขียวเข้ม
  • ดอก: ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกมีขนาดเล็ก สีเหลืองอ่อนหรือสีเขียวอ่อน

สรรพคุณของว่านน้ำ

  1. บำรุงร่างกายและเพิ่มพลัง:
    • ว่านน้ำมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงร่างกาย เพิ่มพลังงาน และช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
  2. ช่วยย่อยอาหารและบรรเทาอาการท้องอืด:
    • สารสกัดจากเหง้าของว่านน้ำสามารถช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืดและท้องเฟ้อ
  3. รักษาอาการไอและขับเสมหะ:
    • น้ำคั้นจากเหง้าว่านน้ำสามารถใช้บรรเทาอาการไอและช่วยขับเสมหะ
  4. แก้ปวดและลดการอักเสบ:
    • ว่านน้ำมีสารที่มีคุณสมบัติในการแก้ปวดและลดการอักเสบของกล้ามเนื้อและข้อต่อ
  5. รักษาแผลและบาดแผล:
    • การใช้เหง้าว่านน้ำในการรักษาแผลสดหรือบาดแผล เนื่องจากมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อและสมานแผล

การใช้ว่านน้ำ

  1. ใช้ภายนอก:
    • นำเหง้าของว่านน้ำมาบดหรือตำให้ละเอียด แล้วนำมาพอกบริเวณที่มีอาการปวดหรือบาดแผล
  2. ใช้ภายใน:
    • ต้มเหง้าของว่านน้ำเป็นยาน้ำหรือใช้เป็นส่วนผสมในยาสมุนไพรเพื่อบำรุงร่างกายและรักษาอาการต่างๆ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ ไอ และขับเสมหะ

ข้อควรระวัง

ควรใช้ว่านน้ำอย่างระมัดระวัง และไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากเกินไป หรือควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ก่อนใช้ โดยเฉพาะหากมีการใช้ในการรักษาโรคหรืออาการที่มีความรุนแรง ว่านน้ำ

ว่านนกคุ่ม

No Comments

ลักษณะของว่านนกคุ่ม

  • ลำต้น: ลำต้นเป็นแบบมีเหง้าใต้ดิน ขึ้นเป็นกลุ่ม
  • ใบ: ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปหอกหรือรูปรี ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ สีเขียวเข้ม
  • ดอก: ออกดอกเป็นช่อที่ปลายยอด ดอกมีสีม่วงเข้มถึงสีฟ้าอมม่วง ปลายกลีบดอกมีลักษณะบิดเป็นเกลียวสวยงาม

สรรพคุณของว่านนกคุ่ม

  1. บำรุงเลือด:
    • ว่านนกคุ่มมีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
  2. รักษาโรคผิวหนัง:
    • สารสกัดจากเหง้าของว่านนกคุ่มสามารถใช้รักษาโรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคกลากเกลื้อน
  3. บรรเทาอาการปวดเมื่อย:
    • การใช้เหง้าของว่านนกคุ่มในการบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อ
  4. แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย:
    • เหง้าของว่านนกคุ่มสามารถนำมาใช้ในการแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้

การใช้ว่านนกคุ่ม

  1. ใช้ภายนอก:
    • นำเหง้าของว่านนกคุ่มมาบดหรือตำให้ละเอียดแล้วนำมาพอกบริเวณที่มีอาการปวดเมื่อย หรือถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
  2. ใช้ภายใน:
    • ต้มเหง้าของว่านนกคุ่มเป็นยาน้ำหรือใช้เป็นส่วนผสมในยาสมุนไพรเพื่อบำรุงเลือดและรักษาโรคผิวหนัง

ข้อควรระวัง

ควรใช้ว่านนกคุ่มอย่างระมัดระวัง และไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากเกินไป หรือควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ก่อนใช้ โดยเฉพาะหากมีการใช้ในการรักษาโรคหรืออาการที่มีความรุนแรง ว่านนกคุ่ม

ว่านท้องใบม่วง

No Comments

ว่านท้องใบม่วง หรือว่านขันหมาก (Tradescantia spathacea) เป็นพืชที่มีความสวยงามและมีสรรพคุณทางยาหลากหลาย เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ว่านกาบหอย หรือหัวครก พืชชนิดนี้มีต้นกำเนิดในอเมริกากลางและแคริบเบียน

ลักษณะของว่านท้องใบม่วง

  • ลำต้น: มีลำต้นเป็นกาบใบซ้อนกัน สีเขียวเข้มด้านบนและสีม่วงด้านล่าง
  • ใบ: ใบหนาเป็นรูปหอก เรียงตัวเป็นกาบโค้งสลับกัน
  • ดอก: ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว ออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ

สรรพคุณของว่านท้องใบม่วง

  1. บำรุงผิวพรรณ:
    • สารสกัดจากใบว่านท้องใบม่วงมีคุณสมบัติในการบำรุงผิว ทำให้ผิวชุ่มชื่นและลดการอักเสบของผิวหนัง
  2. รักษาแผลสดและแผลอักเสบ:
    • น้ำคั้นจากใบว่านท้องใบม่วงสามารถใช้ทาบริเวณที่มีแผลสดหรือแผลอักเสบ เพื่อลดอาการปวดและการอักเสบ
  3. ลดไข้และบรรเทาอาการปวด:
    • สารสกัดจากว่านท้องใบม่วงสามารถช่วยลดไข้และบรรเทาอาการปวดได้
  4. รักษาแผลในปาก:
    • การเคี้ยวใบว่านท้องใบม่วงสดสามารถช่วยบรรเทาอาการแผลในปากได้
  5. ลดอาการอักเสบของทางเดินหายใจ:
    • น้ำคั้นจากใบว่านท้องใบม่วงสามารถนำมาดื่มเพื่อลดอาการอักเสบของทางเดินหายใจ

การใช้ว่านท้องใบม่วง

  1. ใช้ทาผิว:
    • นำใบสดมาบดหรือคั้นน้ำ แล้วนำมาทาบริเวณที่มีแผล หรือใช้ทาบริเวณผิวที่มีปัญหา เช่น ผิวแห้ง ผิวอักเสบ
  2. ใช้ในอาหารและเครื่องดื่ม:
    • สามารถนำใบสดมาคั้นน้ำเพื่อใช้ดื่ม หรือใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารเพื่อเพิ่มคุณค่าทางยา
  3. ใช้เป็นสมุนไพรบำรุงร่างกาย:
    • นำใบว่านท้องใบม่วงมาชงเป็นชาสมุนไพรดื่ม เพื่อบำรุงสุขภาพและลดอาการอักเสบ

ควรใช้ว่านท้องใบม่วงอย่างระมัดระวัง และไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากเกินไป หากต้องการใช้ในการรักษาโรคหรืออาการที่มีความรุนแรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ก่อนใช้

ว่านกาบหอย

No Comments

ว่านกาบหอย (ชื่อวิทยาศาสตร์: Tradescantia spathacea) หรือที่เรียกกันว่า หัวครก มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและแคริบเบียน และมีชื่อเรียกอื่น ๆ เช่น หัวผักกาด หรือ ว่านขันหมาก เป็นพืชสมุนไพรที่มีการใช้ในหลายด้านทั้งในเรื่องของความสวยงามและสรรพคุณทางยา

ลักษณะของว่านกาบหอย:

  • มีใบหนาเป็นรูปหอก เรียงตัวเป็นกาบโค้งสลับกัน สีเขียวเข้มด้านบนและสีม่วงด้านล่าง
  • ออกดอกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ มีสีขาว

สรรพคุณของว่านกาบหอย:

  1. บำรุงผิวพรรณ:
    • สารสกัดจากใบว่านกาบหอยมีคุณสมบัติในการบำรุงผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและลดการอักเสบของผิวหนัง
  2. รักษาแผลสดและแผลอักเสบ:
    • น้ำคั้นจากใบว่านกาบหอยสามารถใช้ทาบริเวณที่มีแผลสดหรือแผลอักเสบเพื่อช่วยลดอาการปวดและการอักเสบ
  3. ช่วยลดไข้และบรรเทาอาการปวด:
    • สารสกัดจากว่านกาบหอยสามารถช่วยลดไข้และบรรเทาอาการปวดได้
  4. ช่วยรักษาแผลในปาก:
    • การเคี้ยวใบว่านกาบหอยสดสามารถช่วยบรรเทาอาการแผลในปากได้
  5. ลดอาการอักเสบของทางเดินหายใจ:
    • น้ำคั้นจากใบว่านกาบหอยสามารถนำมาใช้ดื่มเพื่อลดอาการอักเสบของทางเดินหายใจ

การใช้ว่านกาบหอย:

  1. ใช้ทาผิว:
    • นำใบสดมาบดหรือคั้นน้ำ แล้วนำมาทาบริเวณที่มีแผล หรือใช้ทาบริเวณผิวที่มีปัญหา เช่น ผิวแห้ง ผิวอักเสบ
  2. ใช้ในอาหารและเครื่องดื่ม:
    • สามารถนำใบสดมาคั้นน้ำเพื่อใช้ดื่ม หรือใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารเพื่อเพิ่มคุณค่าทางยา
  3. ใช้เป็นสมุนไพรบำรุงร่างกาย:
    • นำใบว่านกาบหอยมาชงเป็นชาสมุนไพรดื่ม เพื่อบำรุงสุขภาพและลดอาการอักเสบ

ควรใช้ว่านกาบหอยอย่างระมัดระวังและไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากเกินไป หรือควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ก่อนใช้ โดยเฉพาะหากมีการใช้ในการรักษาโรคหรืออาการที่มีความรุนแรง

4o

ว่านตีนตะขาบ

No Comments

ว่านตีนตะขาบ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ว่านหางนาค (Scientific Name: Aloe Vera) เป็นพืชสมุนไพรที่มีการใช้ในทางการแพทย์และการดูแลผิวพรรณอย่างแพร่หลาย มีสรรพคุณที่หลากหลายและมีประโยชน์มากมาย ดังนี้:

สรรพคุณและประโยชน์ของว่านตีนตะขาบ:

  1. บรรเทาอาการอักเสบและแผล:
    • ว่านหางนาคมีคุณสมบัติในการช่วยลดอาการอักเสบและช่วยในการสมานแผล ใช้ทาบริเวณผิวหนังที่มีแผลพุพองหรือแผลไฟไหม้
  2. ช่วยในการย่อยอาหาร:
    • ว่านหางนาคมีคุณสมบัติที่ช่วยกระตุ้นการย่อยอาหาร ช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
  3. บำรุงผิวพรรณ:
    • เจลจากว่านหางนาคมีคุณสมบัติในการบำรุงผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ลดอาการผิวแห้ง และช่วยในการรักษาสิว
  4. เสริมระบบภูมิคุ้มกัน:
    • ว่านหางนาคมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  5. ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด:
    • มีการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าว่านหางนาคสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเบาหวาน

การใช้ว่านตีนตะขาบ:

  1. การใช้ทาผิว:
    • เจลจากว่านหางนาคสามารถนำมาทาบริเวณผิวหนังที่มีแผล หรือใช้เป็นมาส์กบำรุงผิวหน้าได้
  2. การรับประทาน:
    • ว่านหางนาคสามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มหรืออาหาร เช่น น้ำว่านหางนาค ซึ่งมีประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพ
  3. การใช้ในเครื่องสำอาง:
    • ว่านหางนาคมักใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต่าง ๆ เช่น ครีมบำรุงผิว โลชั่น และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า

การใช้ว่านตีนตะขาบควรใช้อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะการใช้ภายในร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้หรือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สมุนไพรนี้

4o

รกฟ้า

No Comments

สรรพคุณของรกฟ้า เปลือกนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาบำรุงหัวใจ (เปลือก)

รากใช้เป็นยาขับเสมหะ (ราก)

เปลือกนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยารักษาอาการท้องร่วง อาเจียน(เปลือก)

เปลือกนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาขับปัสสาวะ (เปลือก)

เปลือกใช้ภายนอกเป็นยาห้ามเลือด และใช้ชะล้างบาดแผล (เปลือก)

ลำต้นใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้กระษัยเส้น (อาการผิดปกติของสมดุลธาตุทั้งสี่ในร่างกายและเส้นเอ็น มีอาการหลายแบบ ส่วนใหญ่เป็นการอักเสบปวดเกร็งของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะต้นขาและท้อง) (ลำต้น, ทั้งต้น)

รกฟ้า

มะกรูด

No Comments

มะกรูดมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงและต้านทานโรค ช่วยทำให้เจริญอาหาร น้ำมันหอมระเหยจากมะกรูดมีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายความเครียด คลายความกังวล ทำให้จิตใจสงบนิ่ง ด้วยการสูดดมผิวมะกรูดหรือน้ำมันมะกรูดจะช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่การใช้ไม่ควรจะใช้ความเข้มข้นมากกว่า 1% เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ด้วยการใช้ผิวมะกรูด รากชะเอม ไพล เฉียงพร้า ขมิ้นอ้อย ในปริมาณเท่ากัน นำมาบดเป็นผง นำมาชงละลายน้ำร้อนหรือต้มเป็นน้ำดื่ม ใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ ด้วยการใช้ผิวมะกรูดสดฝานเป็นชิ้นเล็ก ๆ ประมาณ 1ช้อนแกง เติมการบูรหรือพิมเสน 1 หยิบมือ ชงด้วยน้ำเดือด แช่ทิ้งไว้ แล้วนำน้ำที่ได้มาดื่ม 1-2 ครั้ง (เปลือกผล) ช่วยแก้ลม หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ด้วยการใช้เปลือกมะกรูดฝานบาง ๆ ชงกับน้ำเดือดใส่การบูรเล็กน้อย แล้วนำมารับประทานแก้อาการ (เปลือกผล) ช่วยแก้อาการไอ ขับเสมหะ ด้วยการใช้ผลมะกรูดนำมาผ่าซีก เติมเกลือ นำไปลนไฟให้เปลือกนิ่ม แล้วบีบน้ำมะกรูดลงในคอทีละน้อย ๆ จะช่วยแก้อาการไอได้ สูตรนี้ก็สามารถใช้เป็นยาขับเสมหะได้ด้วยเช่นกัน

มะกรูด

ลำโพงดอกขาว

No Comments

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 1-2 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นพุ่ม ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปไข่ กว้าง 8-15 ซม. ยาว 10-20 ซม. โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบจักเป็นซี่ห่างกัน แผ่นใบสีเขียว  ดอก ออกดอกเดี่ยวตามซอกใบ ดอกสีขาวนวล กลีบเลี้ยงติดกันเป็นหลอดยาวคึ่งหนึ่งของความยาวดอก กลีบดอกโคนเชื่อมติดกัน ปลายบานเป็นรูปแตร ผล รูปทรงค่อนข้างกลม สีเขียว ผิวเป็นตุ่มหนาม ผลแห้งแตกได้ เมล็ดสีน้ำตาลจำนวนมาก

สรรพคุณ :

  • ใบ – พอกแผลฝี แผลไหม้ รักษาไขข้ออักเสบ แก้กลากเกลื้อน
  • น้ำจากใบสด – หยอดหู แก้ปวดหู
  • เมล็ด – แก้โรคผิวหนัง แก้ปวดฟัน
  • ลำโพงดอกขาว