ลูกใต้ใบ (Phyllanthus niruri) เป็นพืชสมุนไพรที่มีการใช้มาอย่างยาวนานในแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนอินเดีย (อายุรเวท) ลูกใต้ใบมีสรรพคุณทางยาหลายประการและมีชื่อเสียงในด้านการรักษาโรคต่าง ๆ

บัวบก (Centella asiatica) เป็นพืชสมุนไพรที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในเอเชีย โดยเฉพาะในแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนอินเดีย (อายุรเวท) บัวบกมีสรรพคุณทางยาหลายประการและถูกนำมาใช้ในการรักษาและบำรุงสุขภาพ

ถั่งเช่า (Cordyceps sinensis) หรือที่เรียกว่า “หญ้าหนอน” เป็นเห็ดสมุนไพรที่มีชื่อเสียงในด้านสรรพคุณทางยาและบำรุงร่างกาย ถั่งเช่ามีการใช้ในแพทย์แผนจีนมานานหลายศตวรรษ

อบเชย (Cinnamomum spp.) เป็นเครื่องเทศที่ได้จากเปลือกของต้นอบเชย ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ เช่น อบเชยศรีลังกา (Cinnamomum verum) และอบเชยจีน (Cinnamomum cassia) อบเชยมีการใช้ในอาหารและเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาหลาย

รากสามสิบ (Asparagus racemosus) เป็นพืชสมุนไพรที่มีการใช้มาอย่างยาวนานในแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนอินเดีย (อายุรเวท) ซึ่งมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ เช่น “สาวน้อยร้อยชั่ง” หรือ “ชะเอมไทย”

กระชาย (Boesenbergia rotunda) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ขิงจีน” เป็นพืชสมุนไพรที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในอาหารไทยและเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาหลากหลาย

รางจืด (Thunbergia laurifolia) เป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะในการล้างพิษออกจากร่างกาย รางจืดเป็นพืชไม้เลื้อยที่พบมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งมีสรรพคุณทางยาและถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์แผนไทยอย่างแพร่หลาย

สรรพคุณและประโยชน์ของรางจืด:

1. ล้างพิษ: รางจืดเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการล้างพิษออกจากร่างกาย สามารถใช้บรรเทาอาการจากการได้รับสารพิษจากสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง
2. แก้อาการเมาค้าง: การดื่มน้ำรางจืดสามารถช่วยลดอาการเมาค้างได้ดี
3. ต้านอนุมูลอิสระ: มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ และชะลอความแก่
4. ลดการอักเสบ: รางจืดมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ และช่วยบรรเทาอาการของโรคที่เกี่ยวกับการอักเสบ
5. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: มีสารเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น

การใช้รางจืดในทางสมุนไพร:

1. ชาใบรางจืด: ใบแห้งของรางจืดสามารถนำมาชงเป็นชาเพื่อดื่มได้
2. สารสกัดรางจืด: มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบของสารสกัดรางจืด ที่สามารถรับประทานได้ง่าย
3. ยาต้ม: รากและลำต้นของรางจืดสามารถนำมาต้มเป็นยาดื่ม

ควรใช้รางจืดอย่างถูกวิธีและควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ในกรณีที่มีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาอื่น ๆ

ว่านหางจระเข้ (Aloe vera) เป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์และนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย มีลักษณะใบหนาและมีเจลใสอยู่ภายในใบ

สรรพคุณทางยาหลายประการ เช่น

1. รักษาแผลไฟไหม้และแผลน้ำร้อนลวก: เจลจากว่านหางจระเข้ช่วยลดการอักเสบและความเจ็บปวดได้ดี
2. บำรุงผิวพรรณ: เจลว่านหางจระเข้มีความสามารถในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวนุ่มนวลและชุ่มชื้น
3. รักษาสิว: ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการรักษาสิว
4. ช่วยย่อยอาหาร: การบริโภคว่านหางจระเข้ในรูปแบบน้ำผลไม้สามารถช่วยปรับปรุงการย่อยอาหารและลดปัญหาท้องผูก
5. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: มีสารต้านอนุมูลอิสระและสารเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในว่านหางจระเข้

นอกจากคุณสมบัติเหล่านี้ ว่านหางจระเข้ยังถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์และผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพหลายประเภท เช่น ครีมทาผิว, แชมพู, สบู่ และอาหารเสริม

ผลิตภัณฑ์เซรั่ม สารสกัดจากช่อดอกกัญชงเซรั่ม เหมาะกับบุคคลที่ผิวเเห้ง เซรั่มตัวนี้จะเข้าไปปรับสมดุลบนใบหน้า จะช่วยทำให้สภาพผิวบนใบหน้าชุ่มชื่นมากขึ้นมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น

สรรพคุณ

– เพิ่มความชุ่มชื้น

– ปรับสมดุลสภาพผิว

– มีสารต้านอนุมูลอิสระ

– ช่วยในเรื่องของการชะลอวัย

– รักษาสิว

– สิวผด

– รอยแดง

ขมิ้นชัน Curcuma longa เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะเป็นเหง้าหรือรากที่อยู่ใต้ดิน สีเหลืองสดใส

ประโยชน์ของขมิ้นชัน

• สารต้านอนุมูลอิสระ: ขมิ้นชันมีสารเคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์จากอนุมูลอิสระ
• ลดการอักเสบ: เคอร์คูมินมีฤทธิ์ลดการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการอักเสบในร่างกาย
• เสริมระบบภูมิคุ้มกัน: ขมิ้นชันช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
• บำรุงผิวพรรณ: ใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสและมีสุขภาพดี
• ป้องกันและรักษาโรคมะเร็ง